สารบัญ
พาหะไวรัสตับอักเสบบี คือ? วันนี้เรามาทำความรู้จักกัน
เราคงเคยได้ยินว่า คนคนนั้นบริจาคเลือดไม่ได้เพราะเป็นพาหะ ไวรัสตับอักเสบบี เด็กรุ่นใหม่คงเกิดอาการงงเล็กน้อย เพราะยิ่งนานไป เราจะเจอคนที่เป็นพาหะนี้น้อยลงเรื่อยๆ เพราะประเทศไทยมีการรณรงค์ ให้มีการฉีดวัคซีนไวรัสตับอักเสบบีมาหลายสิบปี ตั้งแต่ 2535 ตั้งเป้า 100% ทำให้เด็กที่ติดไวรัสบีตั้งแต่เด็กมีจำนวนลดน้อยลงมาก
แต่ถ้าพูดถึงเมื่อสมัยสักสี่ห้าสิบปีก่อน ในประเทศไทยและแถบเอเชีย เราจะพบว่า อุบัติการ การมีเชื้อไวรัสบีโดยไม่มีอาการ หรือก็คือพาหะไวรัสนั้น อุบัติการณ์สูงมาก ข้อมูลจาก อ.ชุติมา ประมูลสินทรัพย์ ในวารสาร South Asean J Trop. Med. ตีพิมพ์เมื่อปี 1986 (2529 ปีที่ผมเข้ามหาวิทยาลัย) คือ 37 ปีที่แล้ว เราพบว่า คนไทยถึง 5 ล้านคน (10% ของประชากรเลย) เป็นพาหะของโรคตับอักเสบบี ! ซึ่งสูงมาก ในช่วงนั้น ประชากรเด็กเกิดใหม่ปีละ 1 ล้านคน คิดดูว่าจะมีพาหะเกิดมากเพียงใด บางแห่งมีพาหะสูงถึง 40% ของประชากร ทำไมถึงสูงขนาดนั้น เนื่องจากเราพบว่า เด็กที่เกิดจากมารดาที่มีเชื้อไวรัสบี จะส่งผ่านไปติดเด็กถึง 3 ใน 4 คนหรือ 75% เลยทีเดียว ซึ่งสูงมาก ในสมัยนั้นยังไม่มีวัคซีน หรือยาที่ได้ผล ยิ่งไปกว่านั้น เนื่องจากบางแห่งการตรวจยังไม่ได้พัฒนา ทำให้มีการแพร่ของเชื้อไปยังผู้ป่วยที่ได้รับเลือด และแพทย์ พยาบาล บุคลากรที่ได้รับสัมผัสเลือดด้วย ข้อมูลจากเมื่อ 30กว่าปีที่แล้ว พบว่า ทำให้อุบัติการณ์ของการเป็นตับแข็ง ( Liver Cirrhosis) และมะเร็งตับ(HCC Hepatocellular Carcinoma) สูงเป็นอันดับต้นๆของสาเหตุการตายของคนไทย และต่อเนื่องมาตลอดเพราะพาหะเหล่านั้น ก็จะมีอายุราวๆ 40-60 ปีในปัจจุบันนี้ โดยเราพบว่า ในผู้ป่วยมะเร็งตับ 35-75% มีไวรัสตับอักเสบบี (ปัจจุบันมีไวรัสตับอักเสบซี Hepatitis C มาเป็นตัวเด่นด้วย)
แต่ภายหลังจากปี 2535 เป็นต้นมา ประเทศไทยเริ่มรณรงค์ฉีดวัคซีนไวรัสตับอักเสบบี (Hepatitis B Vaccine)ให้กับเด็กแรกเกิดทุกคน ทำให้อุบัติการของการเป็นโรคนี้ และพาหะลดน้อยลงมาก เด็กยุคหลังๆ อาจไม่เคยได้ยินคำว่าไวรัสตับอักเสบบีเลยก็เป็นได้ เหมือนที่เราเคยจัดการฝีดาษลงจนหมดราบคาบ
มาถึงข้อมูลปัจจุบันบ้าง เราพบว่า อุบัติการณ์ของพาหะทั่วโลกอยู่ในช่วง 240-350ล้านคน ในสหรัฐอยู่ช่วง 0.1-0.5%
พาหะของไวรัสตับอักเสบบี HepatitisB carrier คืออะไร
ในความหมายง่าย ๆ พาหะ คือไม่มีอาการ หมายถึงคนที่มีเชื้อ และสามารถส่งผ่านเชื้อไวรัสตับอักเสบบีไปยังผู้อื่นได้โดยไม่มีอาการ และโดยที่ไวรัสนั้นอาจจะยังแพร่หรือเจริญเพิ่มในตัวผู้เป็นพาหะนั้นๆได้ และยังเพิ่มความเสี่ยงของโรคตับแข็งและมะเร็งตับด้วย
การติดต่อของไวรัสตับอักเสบบี
พาหะนำโรคไวรัสตับอักเสบบี จะยังสามารถแพร่กระจายเชื้อไปยังผู้อื่นได้โดย
- การมีเพศสัมพันธ์ร่วมกัน
- การใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน
- คลอดจากมารดาที่มีเชื้อ
- การสัมผัสน้ำลาย หรือสารคัดหลั่งอื่นๆ
- การใช้สิ่งของเช่นมีดโกน หรือแปรงสีฟันร่วมกัน
- อุบัติเหตุโดนเข็มทิ่ม
- การให้เลือด
ผลของการมีเชื้อไวรัสตับอักเสบบีในร่างกาย
ถึงแม้ ผู้ที่เป็นพาหะของไวรัสตับอักเสบบี จะไม่มีอาการ แต่ก็เหมือนเชื้อไวรัสพวก งูสวัด หรือ เริม ที่มีโอกาสที่เชื้อจะอยู่ๆก็เพิ่มปริมาณก่อให้เกิดอาการได้ (resurgence) ได้ ผลของการมีเชื้อจะก่อให้เกิด
- การทำลายเซลตับ ทำให้ตับแข็ง (liver cirrhosis) เทียบกับการดื่มสุรา
- การที่ตับวาย (Liver Failure)
- มะเร็งตับ ( Hcc Hepatocellular carcinoma)
การวินิจฉัยและการรักษาพาหะของโรคไวรัสตับอักเสบบี
การวินิจฉัย ปัจจุบันทำโดยการตรวจเลือดหาเชื้อและภูมิคุ้มกัน ร่วมกับตรวจการทำงานของตับ ( HbsAg , AntiHBS , Liver Function test = LFT) ซึ่งเมื่อตรวจพบแล้ว แพทย์จะแนะนำตรวจเพิ่ม และตรวจอัลตราซาวด์ของตับเพื่อดูว่ามีผลกระทบจากการติดเชื้อไวรัสหรือไม่อย่างไร
การรักษา ไม่ทุกรายที่จะรักษา เราจะรักษาในคนไข้ที่เริ่มมีผลกระทบต่อตับ หรือยังมีอาการอักเสบของตับ การรักษาก็หลากหลายวิธี และผลที่ได้ก็แตกต่างกัน ในธรรมชาติ ก็จะมีผู้ที่หายเองจากไวรัสปีละ 1%
กรุณาสละเวลาโหวตให้กับบทความ ขอบคุณครับ