Blog ;)

seo2009

Old page never die —เดี๋ยวนะขอเอาข้อมูลมาทำใหม่ก่อน

ข้อมูลนี้เป็นบทความ seo ในปี 2007-2009
ที่รวบรวมจาก hxxp://board.thaihealth.net/
showthread.php?t=92
ตอนนี้ผมปิดบอร์ดไปแล้วครับข้อมูลพวกนี้ ปัจจุบันใช้ไม่ได้หลายตัวแล้วครับ

ต้องขอออกตัวว่า ผมเองก็เพิ่งศึกษา SEO ไม่นาน แต่ก็อยากจะรวบรวมนำสิ่งที่เป็นความรู้ เนื้อหา และข้อถกเถียง มาไว้ที่นี่ ถ้าใครมีข้อเสนอแนะเพิ่มเติม แจ้งผมทาง PM ก็ได้ เพื่อจะได้นำมารวบรวมไว้ครับ

1.SEO หรือ Search engine optimization คืออะไร
แปลตรงตัว คือการจัดการปรับปรุงเว็บ ให้เป็นที่รักของ search engine ทั้งหลาย อันได้แก่ Google ,yahoo,MSN,alta vista etc. เพื่อที่ search engine เหล่านั้น จะได้เข้ามาเก็บส่วนต่างๆของเว็บไว้ เวลาคนเข้ามาค้นหา คีย์เวอร์ดที่เกี่ยวข้องกับเว็บเรา จะได้นำเว็บเรา ที่ปรับแต่งแล้ว ตามค่าคีย์เวอร์ด การค้นนั้น แสดงให้ผู้เข้าค้นได้อย่างถูกต้อง ทั้งนี้เพื่อจุดประสงค์หลายอย่าง

พื้นฐานของ SEO ขึ้นอยู่กับสถิติที่เราเชื่อว่า ผู้ใช้อินเตอร์เนตปัจจุบัน มักเข้าหาสิ่งที่ต้องการ จากการค้นข้อมูลผ่าน search engine และแนวโน้มเช่นนี้ดูจะมากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้น การที่เราทำเว็บที่ไม่ได้ปรับแต่ง และค้นหาไม่เจอจาก search engine เราก็จะพลาดโอกาสที่จะนำเสนอข้อมูลที่เราคิดว่าอยากจ ะเสนอให้กับผู้เข้าชมทางอินเตอร์เนต
อย่างไรก็ตาม คำแนะนำที่ดีที่สุดคือ ทำเว็บให้เหมาะกับผู้ชม ไม่ใช่ทำเว็บเพื่อ search engine

2.SERPs แปลตรงตัวคือ Search Engine Rank Positions ก็คือตำแหน่งของผลการค้นหาของเว็บของคุณ เมื่อมีผู้ค้นหาคำหนึ่งๆ บน search engine เช่น สำหรับไทยเฮลท์ เมื่อมีผู้ค้นหาคำว่า สุขภาพ บน google หรือ yahoo มักจะอยู่ในอันดับ 1-3 เป็นต้น นี่คือSERPs

3. อะไรคือ anchor text
anchor หรือสมอ คืออะไร
เราลองมาดูลิงค์อันนี้
โค้ด:
<a href="http://board.thaihealth.net">thai health forums</a>

คำว่า “thai health forums” คือ anchor ของลิงค์อันนี้ ที่เราไปพบแขวนไว้ในเว็บไซด์อื่นๆ จะเป็นตัวบอก search engine ว่า ลิงค์ที่เข้าไป มีความสัมพันธ์กับ anchor และคีย์เวอร์ดของเว็บที่ลิงค์นั้นๆเข้าไปหรือไม่ ถ้าสัมพันธ์มาก มีคะแนนมาก เวลาผู้ใช้งาน คีย์เข้าไปหาคำว่า thai health forums ก็พบเว็บเราอยู่ในอันดับแรกๆ คือ SERPs ดี นั่นเอง

การที่เว็บของเรามีลิงค์แบบนี้ ไว้ในเว็บไซด์อื่น เรียกว่า มี back link หรือ inbound link เข้ามาหา
ส่วนการวางลิงค์แบบนี้ ไว้ในเว็บของเราเอง (ลองดูที่ส่วนลงๆของเว็บ) เพื่อสะดวกในการใช้งานในฐานะส่วนหนึ่งของระบบนำทางเว ็บ (navigation) เรียกว่า inside link หรือ ลิงค์ภายในโดเมน หรือภายในเว็บ

การใส่ anchor ที่ดี และสัมพันธ์กับตัวเว็บ และคีย์เวอร์ดโดยรวมของเว็บ และไปวางไว้ในเว็บที่มีความสัมพันธ์กับเว็บเราจะเป็น ส่วนหนึ่งที่ทำให้ได้รับคะแนนจาก inbound link มาก และสนับสนุนให้ SERPs ดีขึ้น

เช่น การวาง anchorเว็บท่าน ว่า สุขภาพ วางไว้ในเว็บไทยเฮลท์ และเว็บท่านเน้นเรื่องของสุขภาพ จะทำให้ได้ค่าคะแนนสูง

กลับกัน ถ้าไปวางไว้ในเว็บที่ไม่เกี่ยวข้อง คุณค่าของ anchor และคะแนนจากลิงค์นั้นจะต่ำ หรือแม้กระทั่งไม่มีค่าเลย ถ้าคุณไปวางไว้ในเว็บที่ถูกแบนจาก search engine เช่นเว็บภาพเปลือย การพนัน เป็นต้น

 4. ลิงค์มีกี่ชนิด
-inbound link ลิงค์เข้ามาหาเว็บเรา
-outbound link ลิงค์ออกจากเว็บเรา
-inside link ลิงค์ที่วนเวียนภายในเว็บเรา
5. ลิงค์ที่เราพึงประสงค์คือ inbound link เพราะจะเกี่ยวเนื่องกับ SERPs ของเรา
6. outbound link ทำให้เพิ่ม ranking หรือไม่
คำตอบคือ ไม่เกี่ยวข้อง เป็นแค่ความเชื่อ
7. ทำอย่างไรจะมี inbound link มากๆ
คำตอบมีได้มาก สำหรับผู้เริ่มต้น และทำแบบขาวสะอาด (แบบเทพ) หรือ white hat คือ
– directory submission การนำเว็บของท่านไปสู่เว็บแบบรวมลิงค์ทั้งหลาย เป็นวิธีการเริ่มต้นที่มือใหม่
8.ติดปัญหา จะไปปรึกษาใครดี
ถ้ามาที่นี่ ยังไม่พบใคร ก็อาจจะไปอีกหลายๆที่ในไทย ที่จะช่วยคุณได้เสมอครับ
http://www.thaiseoboard.com
http://forums.sem.or.th

10. จะใส่ keywords ที่ไหน อย่างไรดี สำหรับ onpage optimization

อธิบายก่อน onpage optimization คือการปรับแต่งบนหน้าเว็บ เพื่อให้มีผลดี ในทาง SEO เช่น การใส่ tag <h1><h2><h3> อย่างเน้นความสำคัญ การเขียนเนื้อหา กลุ่มคำ ที่มีจังหวะ tempo แบบที่เรียกว่า SEO rewrite แทรกคีย์เวอร์ดไปในเนื้อหา ,การเน้นโดยใช้ <strong> , การใส่คีย์เวอร์ดไปใน meta เช่น <title> ,<description> หรือ <keyword>

ส่วน offpage optimization คือ ปรับแต่งที่อื่นๆไม่ใช่หน้าเว็บ เช่น การส่งลิงค์ anchor text , ลิงค์ จากเว็บอื่นๆ , article submission , pagerank จากเว็บอื่นๆ , directory submission เป็นต้น

หลักการกว้างๆของ onpage keyword optimization คือ
1. meta tags
1. ใส่น้อยที่สุดที่สัมพันธ์กับเนื้อหารวมของเว็บไว้ใน <title> เช่น
<title> สุขภาพ ไทย ข่าว เพลง สาระ</title>
ไม่ใช่
<title> thaihealth dot net เว็บสุขภาพรายวันที่อัพเดตโดยแพทย์ และเนื้อหาตรงใจเช่น ข่าว เกมส์ เพลง และสาระอื่นๆ</title>

ในส่วนอื่นๆ จะลดหลั่นกันมา ใน <h1><h2><h3> แทรกกระจายในหน้าเว็บ รวมถึง ส่วนล่างๆ ก่อน footer
meta description ปัจจุบนแม้ความสำคัญจะน้อย แต่ดีกว่า 0 เพราะถ้า se ไม่รู้จะเอาอะไรมาแสดง ก็จะหยิบเอา description มาแสดงเวลามีคนค้นบน google เขียนกระชับ และสัมพันธ์ (relevant)

meta keywords แทบไม่มีบทบาท เพราะสามารถสแปมกันได้ ใส่ไว้ประมาณ 250 ตัวอักษร พยายามให้ relevant เพราะยังมี search engine อื่นๆ ที่พึ่งพา keyword

2. ใช้เวลาเท่าไรดีในการปรับแต่ง meta ทั้งหลาย
ตอบ ไม่เกิน 5 นาที ส่วนอีก 99% เอามาแต่ง content ให้ดีดีกว่า
เว็บมาสเตอร์ที่หันมาเอาดีทาง SEOใหม่ๆ มักจะใช้เวลาในการปรับแต่งส่วนนี้ มากเกินไป
ขอให้กลับไปดูข้อ 1 ทำเว็บให้คนดู ไม่ใช่ให้ SE ดู สิ่งต่างๆที่จะเกิดคือ เพิ่มประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้เข้าชม จนถึงขั้นบอกต่อ หรือเก็บเอาหน้านั้นๆไว้ เป็นกลยุทธที่ดีในระยะเวลายาวนาน

3. แล้ว seo rewrite หละ
การแทรกคำ ที่เป็นกลุ่มคีย์เวอร์ดเป้าหมายเข้าไปในเนื้อหาเลย เพื่อเพิ่มความหนาแน่นของคีย์เวอร์ด (keyword density) เป็นสิ่งที่เป็นที่ปฏิบัติอย่างมาตรฐาน ในการปรับแต่ง ที่ได้ผลดี
แต่อย่าทำมากไปกว่า 10-15% ของคำบนหน้าเว็บ ถ้าทำมากไป ผลที่จะเกิดคือ
– se จะนึกว่าคุณเป็น สแปม
– user อ่านไม่รู้เรื่อง

11.pagerank
update 2016= ไม่มีที่ใช้แล้วครับผม
12. pagerank มีกี่แบบ อะไรบ้าง จะสามารถตรวจสอบได้อย่างไร
pagerank แท้จริง คือ real pagerank คือค่าที่มีการเปลี่ยนแปลงในระดับเป็นวันๆ ซึ่งพวกเราเอง ไม่สามารถตรวจสอบได้โดยตรง แต่อาจจะสังเกตุได้จากอันดับเว็บใน SE (SERPs) ที่ขึ้นลงกระเพื่อมๆ (ถ้าดิ่งขึ้นหรือดิ่งลงทีละมากๆ ไม่ใช่)toolbar pagerank (TBPR) แถบเขียวๆ เวลาที่เราติดตั้ง google toolbar เวลามีการปรับปรุง (มักทุก 100 วัน โดยเฉลี่ย) เรียกว่า TBPR Export: Toolbar PageRank Export ซึ่งพวกเรามักจะทึกทักเอาว่า pagerank update แล้ว แต่จริงๆคือ มันแสดงออกมาแล้ว แต่ใช้ database ที่เก่ามาแสดง (คือหมายถึงแสดง pagerank จริงๆในอดีตประมาณ 1-3 เดือนที่ผ่านมา)
Exit mobile version