การปลูกฝังสมาธิในเด็ก เป็นการปูพื้นความสามารถในการเรียนรู้ให้เด็ก ผมมีบทความดีๆจาก ศูนย์จินตคณิต http://www.imaxbrain.com พัทยา ที่นำมาจากการสัมนาเรื่อง สมาธิ คือจุดเริ่มต้นของการเรียนรู้ที่ดี มาฝากครับ update 2024 ใครจะเชื่อว่า “สมาธิ” สามารถปลูกฝังได้ตั้งแต่เด็กยังเล็ก แล้วพื้นฐานการเรียนรู้ของเด็กก็มีจุดเริ่มต้นจากการเสริมสร้างสมาธิให้แก่ลูกน้อยตั้งแต่เยาว์วัย จึงเปรียบเสมือนการวาง “รากฐานแห่งชีวิต” ให้กับเด็ก “มี้ด จอห์นสัน” ผู้ผลิตภัณฑ์นมผงเอนฟาโกร เปิดตัวแคมเปญล่าสุดกับ “แคมเปญสมาธิ” จัดเสวนาในแนวคิด “สมาธิ คือจุดเริ่มต้นของการเรียนรู้ที่ดี” กระตุ้นคุณพ่อคุณแม่รู้จักเรียนรู้ เข้าใจ และส่งเสริมสมาธิลูกผ่านการเรียนรู้จากการทำกิจกรรมที่ถนัด วิทยากรภายในงาน น.พ.อุดม เพชรสังหาร ผอ.ศูนย์พัฒนาอัจฉริยภาพเด็กและเยาวชน สถาบันรักลูก ผู้เชี่ยวชาญทางด้านการสร้างเสริมพัฒนาการของเด็ก กล่าวว่า “สมาธิมีความสัมพันธ์กับสมอง เพราะสมองสั่งการระบบต่างๆ ของร่างกาย รวมทั้งการรับรู้และเรียนรู้การพัฒนาสมองให้ใช้เต็มประสิทธิภาพ โดยคลื่นสมองที่สงบจะช่วยในการเรียนรู้ที่ดี โดยเฉพาะการเรียนรู้ของเด็ก โดยปกติแล้ว สิ่งที่ผ่านเข้ามาในสมองของคนเรา 100 ส่วน จะมีสิ่งที่ทำให้เราสนใจขณะนั้นได้แค่ 1 ส่วน ส่วนอีก 99 ส่วนจะถูกทิ้งไป เมื่อเด็กมีความสุขและใจจดจ่อกับการทำกิจกรรมแล้ว จะเกิดการกระตุ้น วงจรแห่งความปีติ (Reward Circuit) ให้ทำงานมากขึ้น เมื่อเด็กทำสิ่งใดได้ ควรต้องให้กำลังใจ ชื่นชม และเขาจะรู้สึกดี แล้วเริ่มทำกิจกรรมนั้นๆ ซ้ำอีก สมองมนุษย์จะฉลาดหรือไม่อยู่ที่การเชื่อมต่อของเซลล์สมอง ซึ่งการเชื่อมต่อกันจะเกิดได้ดีในสองปีแรกของชีวิต ฉะนั้นหากขาดการกระตุ้นที่เหมาะสมในช่วงเวลาดังกล่าว จะมีผลต่อระดับสติปัญญา สมาธิและการเรียนรู้ของเด็ก” นอกจากนี้ น.พ.อุดม เสริมถึง ดนตรีต่อการพัฒนาสมองและสมาธิว่า “ดนตรีหรือเพลงจังหวะช้า มีผลต่อการทำงานของก้านสมองทำให้จิตใจมีความสงบเยือกเย็น และความใจจดใจจ่อกับเรื่องใดเรื่องหนึ่ง เกิดคลื่นสมองที่เรียกว่า คลื่นอัลฟา (Alpha Wave) ซึ่งภาวะสมองที่เกิดคลื่นอัลฟา คือภาวะที่มีสมาธิและเหมาะในการเรียนรู้” วิทยากรอีกคนเป็นผู้เชี่ยวชาญการพัฒนาส่งเสริมทักษะการเรียนรู้ของเด็ก ดร.วรนาท รักสกุลไทย แนะเคล็ดลับเรื่องสมาธิของเด็กว่า “สมาธิในเด็กไม่ใช่ Meditation (เข้าฌาน) แต่หมายถึง Better Attention หรือความสนใจความจดจ่อและความมุ่งมั่น ซึ่งเด็กจะมีสมาธิอย่างไร ขึ้นอยู่กับปัจจัยเรื่องอายุด้วย เช่น เด็กอายุ 3 ขวบ จะมีสมาธิอยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้ 5 นาที ส่วนเด็ก 3 ขวบขึ้นไปจะมีสมาธิได้ประมาณ 12-15 นาที การเรียนรู้ของเด็กควรผ่านจัดกิจกรรมต่างๆ เช่น ศิลปะกับเด็กเป็นของคู่กัน เด็กเล็กจะชอบระบายสีน้ำมากเพราะไม่ต้องออกแรงกดและใช้งานได้ง่าย หรือเด็กโตขึ้นมาหน่อยจะสอนให้มีการพับกระดาษ เด็กญี่ปุ่นจะมีทักษะการใช้มือที่ดีมาก เพราะกิจกรรมการพับกระดาษเป็นที่นิยมกันมากในญี่ปุ่น ดังนั้น เราสามารถจัดและออกแบบการเรียนรู้ที่เหมาะสมให้กับเด็กซึ่งก็ควรเป็นกิจกรรมที่กระตุ้นให้เด็กคิด แล้วเด็กผู้หญิงกับเด็กผู้ชายก็มีความสนใจต่างกันเพราะมีประสบการณ์เรียนรู้ที่ต่างกัน หน้าที่ของพ่อแม่คือโยนประเด็นคำถามแล้วให้เด็กตอบ ทำกิจกรรมเล่นกับลูก และจดบันทึกไว้” ดร.วรนาท กล่าวเสริมว่า “ทั้งนี้พฤติกรรมเด็กจะเป็นอย่างไรขึ้นอยู่กับคุณแม่ด้วย เด็กบางคนอาจไม่ได้มีสมาธิสั้น แต่คุณแม่เป็นคนเร็ว คิดเร็ว ทำเร็ว ทำให้เด็กเลียนแบบพฤติกรรม และไม่นิ่ง ซึ่งถ้าเป็นเช่นนี้จะเรียกว่าสมาธิสั้นเทียม เพราะมาจากสภาพแวดล้อม การเลี้ยงดูเด็กจึงขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมในการปลูกฝังให้กับเด็กด้วย ถ้าอยากให้ลูกมีสมาธิต้องพูดกับลูกช้าๆ ค่อยๆ พูด และให้คำชมกับเขาบ้าง เพื่อจุดประกายให้ลูกมีความสนใจและอยากรู้อยากเห็น เพราะฉะนั้นสิ่งที่สำคัญ คือ การเล่นกับลูก และเป็นตัวอย่างที่ดีแก่ลูก” ปิดท้ายการเสวนา น.พ.อุดม สรุปว่า “ปัจจุบันลูกหลานของเราเริ่มมีปัญหา เรื่องสมาธิมากขึ้น เด็กๆ อ่านหนังสือนั่งนิ่งๆ อยู่กับที่ไม่ได้ จิตแพทย์เด็กประสบปัญหาหนัก เด็กวิเคราะห์และตีความแปลความไม่ได้ ปัญหาคือผู้ใหญ่ไม่ได้เป็นแบบอย่างให้เห็น เราต้องเป็นแบบอย่างในการอดทน อดกลั้น มีความมานะพยายามให้เด็กเห็น บางอย่างต้องพาเด็กทำโดยไม่ต้องใช้เครื่องมือช่วยเพื่อให้เด็กได้ซึมซับเอาความมีสมาธิ มานะอดทนเข้าไปและเมื่อเด็กทำได้เราก็ต้องให้คำชมเชย เพื่อให้พฤติกรรมนั้นๆ มีความคงทนถาวรจนเป็นนิสัยของเขาต่อไป”

5 ทิปในการเพิ่มสมาธิเด็ก

  1. 1.กำหนดกิจวัตรที่ชัดเจน การมีตารางเวลาที่แน่นอนช่วยให้เด็กคุ้นเคยกับการทำสิ่งต่าง ๆ อย่างเป็นระบบ ลดสิ่งรบกวน และเพิ่มสมาธิ เช่น กำหนดเวลาทำการบ้านให้แน่นอน จัดเวลาพักเป็นระยะ ๆ เช่น 25 นาทีทำงาน 5 นาทีพัก ฝึกให้เขาทำกิจกรรมซ้ำ ๆ เช่น อ่านหนังสือก่อนนอน
  2. 2.ลดสิ่งรบกวนรอบตัว เด็กเสียสมาธิได้ง่ายจากเสียงรบกวนและสิ่งเร้าต่าง ๆ ลองปรับสภาพแวดล้อมให้เอื้อต่อการเรียนรู้ เช่น ปิดเสียงโทรทัศน์และโทรศัพท์มือถือ จัดโต๊ะทำงานให้เป็นระเบียบ ใช้เสียงเพลงเบา ๆ หรือเสียงธรรมชาติเพื่อช่วยให้ผ่อนคลาย
  3. 3.ฝึกทำกิจกรรมที่ใช้สมาธิ การเล่นเกมหรือกิจกรรมที่ต้องใช้ความตั้งใจช่วยให้เด็กฝึกการจดจ่อ เช่น วาดภาพหรือระบายสี เล่นตัวต่อหรือจิ๊กซอว์ อ่านหนังสือวันละ 10-15 นาที
  4. 4.ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ การออกกำลังกายช่วยให้สมองหลั่งสารที่ช่วยเพิ่มสมาธิ เช่น วิ่ง กระโดดเชือก หรือโยคะ ปั่นจักรยานหรือเดินเล่นกลางแจ้ง
  5. 5.ฝึกสมาธิผ่านท่าโยคะง่าย ๆ
  6. ฝึกการหายใจและทำสมาธิ การสอนเด็กให้ฝึกหายใจลึก ๆ และทำสมาธิช่วยให้พวกเขาโฟกัสได้ดีขึ้น เช่น นั่งเงียบ ๆ และนับลมหายใจเข้า-ออก ใช้ลูกบอลหรือลูกแก้วให้มองตามเพื่อฝึกการจดจ่อ ใช้แอปพลิเคชันช่วยฝึกสมาธิสำหรับเด็ก
CK

2535 แพทยศาสตร์บัณฑิต เกียรตินิยมอันดับ1 มหาวิทยาลัยขอนแก่น 2539 วุฒิบัตร อายุรศาสตร์

Share
Published by
CK

Recent Posts

ความดันโลหิตสูง 2024(1)

อัพเดตความดันโลหิตสูง Hypertension (2024) ภาค 1. ความรู้เบื้องต้น

10 months ago

วัคซีนป้องกันไข้หวัดนก(2550)

10 อันดับความก้าวหน้าหรือ medical breakthrough ทางการแพทย์ ประจำปี 2550 เรื่องที่ 3 วัคซีนไข้หวัดนก ตัวแรก ออกแล้ว ในปี 2007 ความกังวลว่า…

9 years ago

ขลิบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศ ทำไม อย่างไร เมื่อไร

หลายคนคงเคยมีคำถาม จะขลิบหนังหุ้มปลาย อย่างไร เมื่อไร และทำไม โดยเฉพาะผู้เป็นพ่อแม่ที่มีลูกชาย อาจจะเคยมีแพทย์แนะนำให้ ขลิบหนังหุ้มปลายตั้งแต่เด็กยังเล็กๆเลย ซึ่งแน่นอน ว่าต้องเกิดความกังวลในใจคุณแน่ๆ (more…)

9 years ago

Health tip ป้องกันการเกิดกระเพาะปัสสาวะอักเสบ

ข้อมูลจาก health day และศูนย์ข้อมูลโรคไตของสหรัฐ ได้ให้คำแนะนำสำหรับป้องกันการติดเชื้อที่ระบบทางเดินปัสสาวะ เช่นกระเพาะปัสสาวะและไต ดังนี้ ดื่มน้ำวันละมากๆ ห้ามกลั้นปัสสาวะนานๆ อาบน้ำโดยใช้การตักอาบหรือฝักบัว ดีกว่าใช้อ่างอาบน้ำ (more…)

9 years ago

ไข้หวัด

ไข้หวัด เกิดจากเชื้อไวรัสหวัด เด็กเล็ก ๆ อายุต่ำกว่า 6 เดือน เป็นหวัดน้อยกว่าเด็กโต ทั้งนี้เพราะ เด็กทารกช่วงวัยนั้น ได้รับภูมิต้านทาน เชื้อโรคหวัด ผ่านทางรก และเลือดของแม่ ตั้งแต่อยู่ในครรภ์…

9 years ago

เหา Pediculosis capitis

เหา (Pediculosis capitis) เหาเกิดจากเชื้อปาราสิต ชื่อว่า "Pediculus humanus" ซึ่งอาศัยอยู่บนหนังศีรษะ เส้นผม ขน ปาราสิตนี้จะคอยดูดเลือดกินเป็นอาหาร และวางไข่บนเส้นผม โดยหลั่งสารไคติน (chitin) หุ้มปลายหนึ่งของไข่…

9 years ago