ตอน4 เราจะเริ่มมาเจาะการเตรียมตัว สิ่งของสัมภาระ ตั๋ว การจองรถบ้านที่จะใช้ในการขับขี่นะครับ ปล. จากประสบการณ์ 5 ปี ตอนนี้อาจไม่ค่อยอัพ แต่ก็พอใช้นะครับผม travel south newzealand by campervan
การเตรียมตัวและสิ่งของ หลังจากเราติดต่อเรื่องจองตั๋ว แล้ว ขั้นตอนทำวีซ่า นิวซีแลนด์ สมัยก่อนนี้ ไม่ต้องมีรายละเอียดเรื่องโรงแรมอะไรเลยครับ ขอเรามีวันเวลาสถานที่ และเรื่องรายได้ในไทย การทำงานในไทยที่เป็นหลักแหล่ง ก็ได้ง่ายๆครับไม่มีถามอะไรเพิ่ม ได้มา 30 วันเลย
ก็มาถึงสัมภาระครับ ถ้าดูในบล็อกก่อน ผมให้ดูเรื่องสภาพอากาศครับ เนื่องจากปลาย เมย. ต้นพค.นี้ อากาศจะช่วงเปลี่ยนฤดู จะมีลม ฝน และอาจมีหิมะได้ ดังนั้น
- เสื้อกันหนาวขนเป็ด เบาๆ และ ลองจอห์น (long john) เป็นสิ่งจำเป็น พอๆกับรองเท้ากีฬา หรือรองเท้าบู๊ทดีๆครับ แนะนำให้เอาไปจากไทย ที่โน่น แพงครับ
- กล้อง ถ้าไปรถบ้าน ก็อยากจะจัดอะไรเต็มที่ครับ ไม่ให้เกินโควต้าน้ำหนัก ผมเอาไปสองกล้องเลนส์สี่ตัวเลย
- อาหาร เครื่องปรุง เช่นมาม่า ? ผมแนะนำว่า ไปซื้อเอาหรือหาเอาที่โน่นได้ และที่จะประทับใจคุณมากคือ ใน camp site จะมีคนทิ้งสิ่งของเอาไว้ให้คุณได้ใช้งานต่อ เช่น เขียง มีด เครื่องปรุง น้ำมัน น้ำปลาฯลฯ ผมนี้ประทับใจมาก และในวันสุดท้าย ผมก็ไม่ลืมทิ้งไว้ให้กับกลุ่มหลังถัดไปด้วยครับ เรื่องตลกคือมีคนโดนตม.จับเพราะแบกครกกับสากไปครับ … โถ ป้าจะไปตำส้มตำกินกันหรือไงเนี่ย 555
- สัมภาระอื่นๆในการดำรงชีวิต ก็ลิสต์ไปครับ แต่ที่โน่นจะมีห้างให้เข้าไปช๊อป เหมือนโลตัส บิ๊กซีบ้านเราเลยครับ เสื้อผ้า ไม่จำเป็นต้องเยอะเกินไปครับเพราะมีบริการซัก อบผ้า ฟรีครับ คืนเดียวก็ได้ผ้าหอมๆละ
- อย่าลืม ประกันอุบัติเหตุ และการเจ็บป่วยครับ ไม่กี่พัน แต่สบายใจกว่า เพราะค่ารักษาพยาบาลที่นั่นแพงครับ
- ยา ติดไปได้หมดครับ
- ควรหาบริการเน็ต (และโทรศัพท์ ผมว่าโบราณละ ไลน์ก็โทรได้) ซื้อซิมจากสนามบินเลยครับ Vodafone ถูกมากถ้าใช้ดาต้าอย่างเดียว ลงจากสนามบินเจอบู๊ทเลยรีบแวะก่อนออกมา ได้ใช้แน่เวลาเดินทาง อย่าโรมมิ่งเลยครับแพงมาก
- ปลั๊กไฟ สามตาแบบใหญ่ครับ ควรเตรียมไปนะ
เสื้อขนเป็ดของลูกชาย เสื้อหนาวของสาวๆ ได้มาจากแพลตินั่ม ประตูน้ำครับ
อ่านว่า เรากำลังจะออกจาก NZ สิ่งของนี้คุณอยากเอาอะไรไปใช้ก็เชิญ … เป็นสิ่งที่เขาทิ้งไว้ให้เราที่ Family Park ChristChurch NZ ในวันแรกที่เรามาถึง NZ ครับ
ทุกแห่งที่เป็นที่จอดรถบ้าน มีบริการซัก อบเสื้อผ้าแบบหยอดเหรียญครับ สบายใจได้ ไม่ต้องเอาเสื้อผ้าเยอะเกินไป
ร้าน New world เป็นห้างคล้ายๆบิ๊กซี มีทุกแห่งที่ไปครับ สิ่งของราคาก็โอเค โดยเฉพาะเนื้อแกะและผลไม้บางอย่าง แต่ส่วนใหญ่ก็แพงกว่าบ้านเรา เช่นหมู ไก่ มีเครื่องปรุง แกงแบบไทยๆ วาซาบิ ก็มีครับ
มาถึงเรื่องรถบ้าน MotorHome
คือมาถึงเรื่องนี้ คือสิ่งสำคัญที่สุดของแพลนเลยครับ ถ้าเราจะขับรถเที่ยว เราต้องแพลนอันนี้ก่อนเลยว่า
- จะเอารถขนาดไหน ข้อคำนึงคือ จำนวนคน และความสะดวก ผมนั่งคิดนอนคิดหลายตลบว่่าจะเอาขนาดไหน (ยิ่งใหญ่ก็ยิ่งแพงครับ ) จนสรุปได้ว่าเอารถบ้าน แต่ไม่ต้องใหญ่สุด ชนิดของรถพวกนี้จะมีกี่แบบ ลองดู
- รถเก๋ง ไม่ต้องคิดมากครับ สองคนไม่เกินสี่ มีของไม่มาก จองโรงแรมพักอย่างเดียว ข้อดี ถูก ประหยัดน้ำมัน วิ่งได้เร็ว คล่อง ส่วนใหญ่ไปได้ทุกแห่ง ข้อเสีย ไม่มีห้องน้ำ ไม่มีตู้เย็น บรรทุกคนไม่ได้มาก นอนไม่สะดวก เวลาหนาวมากๆ จะจอดนอนไม่เปิดเครื่องไม่เปิดฮีทเตอร์ไม่ได้ เหมาะสำหรับไปไม่เกินสองสามคน พักโรงแรม กินร้านอาหารไม่ทำกินกันเอง
- รถตู้ หรือแวน ที่ไม่มีตู้เย็น และปรับนอนไม่ได้ ขนคนได้มากหน่อย ของได้มากหน่อย ราคาถูก ข้อดีข้อเสียเหมือนข้างบน
- รถตู้ที่ดัดแปลงให้มีที่นอน และตู้เย็น ไมโครเวฟ เตาแกส มี/ไม่มีห้องอาบน้ำ(ถ้ามีห้องอาบก็จะมีที่เก็บของเสียด้วย) จะเป็นรถตู้ธรรมดา สำหรับสามคน แต่อยากจะทำอาหารบ้าง หรือจอดแคมป์ไซต์ นอน ไม่ต้องจอดโรงแรม ราคาสูงขึ้นมาหน่อย ข้อเสีย คือมันอึดอัดนะ ของเยอะๆนี่ก็ไม่ค่อยสะดวก แต่ขนาดรถเล็กคล่อง ไม่กินน้ำมัน ขับง่ายกว่ารถบ้าน แต่ก็เป็นตัวเลือกที่ดีครับ ของที่ผมไปจองจะเรียกกลุ่มนี้ว่า 2Berth ดัดแปลงจากรถตู้เบนซ์ครับ
- รถบ้านขนาดเล็ก 3Berth อันนี้ เป็นรถตู้ที่มีการยกสูงที่หลังคา เพิ่มคนนอนได้ และมีโต๊ะกินข้าวเพิ่มมาด้วย สำหรับผู้ใหญ่ 3 คน
- รถบ้านขนาดกลาง อันนี้คือตัวเลือกที่ผมใช้ครับ สำหรับผู้ใหญ่ 4 คนสบายๆ มีครบ พื้นที่กว้าง โต๊ะแยก เต๊นท์ข้างกางออกมาได้ด้วย
- รถบ้านขนาดใหญ่ อันนี้สำหรับผู้ใหญ่ 6 คน เกินความจำเป็น ใหญ่ ยาว แพง กินน้ำมัน สามอันนี้ต่างกันที่ขนาด การบรรจุ จำนวนเตียง แต่พื้นฐานจะมีเหมือนกันหมดคือ เตียง ห้องพัก ครัว ฮีทเตอร์ ห้องน้ำ ตู้เย็น ครับ
- จะจองจากไทยเลยไหม คำถามที่ดีครับ จองได้เลยแล้วมาจ่ายเงินหน้าศูนย์เขาเลย จากการงมๆ ผมพบว่า การจองง่ายมากครับ สะดวกดีด้วย จะพูดถึงBritz ที่ผมจองนะครับ ผมจอง explorer (รถบ้าน) จากไทย รับรถที่สนามบิน ChristChurch ครับ ศูนย์ อยู่ติดสนามบินเลย
ข้อคำนึงและข้อผิดพลาดที่เจอมาครับและต้องระวัง
- กะเวลาเครื่องลงและรับรถพลาด เครื่องลง 15.00 มาจริงๆ 16.30 รับรถกว่าจะเช็คนั่นนี่โน่น 17.30 มืดครับ อันนี้แนะนำเผื่อเวลามากๆ ถ้าอยากเอารถไปช้อปปิ้งของ ขับรอบๆเมือง อันนี้ผมพอเช็ครถปั๊บ มืด ซื้อของเสร็จ ก็เข้าที่พักเลย ถ้ามาหน้าร้อน กว่าจะมืดเกือบทุ่มครับ แต่หน้าหนาวมืดไวมาก
- ศึกษาให้ดีครับ เค้ามีเวลาให้เรานั่งอ่านแมน่วล ดูให้ดีครับ เรื่อง ระบบเกียร์ การทำความสะอาดของเสีย (คล้ายกีวี่บลูครับ มีให้ ให้ใช้ในห้องน้ำในรถ จะได้ไม่เหม็น) การต่อสายน้ำทิ้ง การต่อสายน้ำดี การต่อสายไฟ มีสามสายครับ ในการเข้าพักใน ที่จอดรถบ้าน ผมรับรถมา เกียร์ถอยหลังศึกษาอยู่นานเลยต้องยกขึ้นก่อนเข้า ส่วนสายน้ำดีน้ำทิ้งนี่มาศึกษาเมื่อวิ่งปล่อยน้ำเสียเรี่ยราดมาหลายกิโลละ ฮ่า แถมไม่เติมน้ำดีจนเกือบหมด แบบว่ากะเหรี่ยงมาก
จอดที่ไหนได้บ้าง
จอดสุ่มสี่สุ่มห้าต้องระวังครับ มันจะมีที่จอดของทางการ เรียกว่า DOC site (Department of Conservation คล้ายกระทรวงสิ่งแวดล้อมบ้านเรา) มีที่ทิ้งน้ำเสีย น้ำดี (บางแห่งฟรี) บางแห่งมีที่พัก (จ่ายเงินแต่น้อยกว่า)เหมือน Campground ของเอกชนทุกประการ แต่ผมเลือกจอดของเอกชน เสียตังเยอะกว่า แต่แออัดน้อยกว่าครับ สามารถขับไปเปิดเว็บจองไปได้เลย ไม่เต็ม หรือถ้าเต็มก็จะมีที่ให้เลือกครับ ก็ขับรถบ้านไปนิ สบายๆ
ราคาต่อวัน
45-90 $ ต่อวันครับ
Author Profile
