โรคหิด,scabiasis
โรคหิด (Scabies) เป็นโรคผิวหนังอักเสบที่เกิดจากตัวหิด ซึ่งเป็นตัวไรเล็ก ๆ สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่าเป็นจุดขาวเล็ก ๆ ติดต่อโดยการสัมผัสใกล้ชิดกับคนที่เป็นโรคหิด หรือการใช้เสื้อผ้า เครื่องใช้ ที่นอนร่วมกัน เนื่องจากตัวเชื้อสามารถมีชีวิตอยู่นอกร่างกายได้ 2-3 วัน
สาเหตุ

โรคหิดเกิดจากการติดเชื้อปาราสิตชนิดหนึ่ง ที่มีชื่อว่า Sarcoptes scabiei ซึ่งเชื้อนี้เป็นแมลงเล็กมาก ตัวหิดมีขนาดเล็กกว่าปลายเข็ม จัดอยู่ในกลุ่มตระกูลเดียวกับตัวไร ขนาดประมาณ 0.4 มิลลิเมตร ลักษณะเป็นตัวกลมรีๆ และแบนเหมือนเห็บสุนัข ตัวเมียมีขนาดใหญ่กว่าตัวผู้ ตัวอ่อนมี 6 ขา ตัวแก่มี 8 ขา

เชื้อหิดผสมพันธุ์กันบนผิวหนังของคน เมื่อผสมพันธุ์แล้วตัวผู้ก็จะตายไป ส่วนตัวเมียก็จะขุดอุโมงค์วางไข่ต่อไป โดยตัวเมียเจาะอุโมงค์ในชั้นหนังกำพร้า เพื่อใช้วางไข่ ตัวเมียจะฝังตัวใต้ผิวและขึ้นมาวางไข่วันละ 2-3 ฟอง จนกระทั่งถึง 10-25 ฟอง ก็จะตายไป

ตัวอ่อนจะออกจากไข่ในวันที่ 3 หรือ 4 โดยจะคลานออกจากอุโมงค์ เพื่อหาที่อยู่ใหม่ และอาศัยอยู่ในรูขุมขน ทำให้มีตุ่มแดงตรงรูขุมขนและมีอาการคัน ตัวหิดสามารถมีชีวิตอยู่ภายนอกร่างกายของคนเราได้ 2-3 วัน ส่วนตัวอ่อนจะโตเต็มที่ในเวลาประมาณ 2 สัปดาห์

การติดต่อ

โรคนี้จะติดต่อโดยการสัมผัสระหว่างผิวหนังที่เป็นโรคและผิวหนังปกติ การติดต่อมักจะเกิดเมื่อนอนร่วมกันเป็นเวลานาน การร่วมเพศก็มีโอกาสติดเชื้อนี้ ทำให้เกิดตุ่มคันตรงบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์ ถือเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธุ์ชนิดหนึ่ง ตุ่มคันจะพบก่อนแถว ๆ อวัยวะสืบพันธุ์ เช่น ที่หนังหุ้มองคชาตและอัณฑะ สำหรับผู้หญิงไม่ค่อยพบที่บริเวณอวัยวะสืบพันธุ์ นอกจากนั้นโรคนี้ยังติดต่อโดยการจับมือ เสื้อผ้า หรือเครื่องใช้ แม้กระทั่งฝาโถส้วมก็สามารถติดต่อได้ เมื่อได้รับเชื้อแล้ว 4-6 สัปดาห์จึงจะเกิดอาการคัน

การแพร่กระจายของหิดคน เกิดจากอยู่ใกล้ชิดหรือใช้ของร่วมกันผู้ป่วยหิด จึงมักพบการระบาดของหิดในคนที่นอนในห้องเดียวกัน คนที่อาศัยในที่แออัดเช่น สถานกักขัง สถานสงเคราะห์เด็กหรือคนชรา โรงเรียน วัด โรคหิดพบได้บ่อยในคนทุกวัย สามารถติดต่อได้ง่าย โดยการสัมผัสหรือใช้ของร่วมกัน หิดไม่แพร่กระจายโดยทางการหายใจ หรือทางอาหาร โรคหิดติดต่อมาได้โดยการสัมผัสใกล้ชิดกับคนที่เป็นโรคนี้อยู่แล้ว หรือการใช้สิ่งของเครื่องใช้ร่วมกัน หรือมีเพศสัมพันธ์กับคนที่เป็นโรคนี้ก็มีโอกาสติดโรคได้

อาการของโรค

อาการทางผิวหนังจะเริ่มปรากฏ 2 สัปดาห์หลังจากติดเชื้อเมื่อร่างกายได้รับการกระตุ้นจากโปรตีนในน้ำลายของตัวหิด แล้วเกิดปฏิกิริยาภูมิแพ้ขึ้น ผู้ป่วยจะมีตุ่มน้ำใสและตุ่มหนอง คัน เกิดขึ้นกระจายทั้งสองข้างของร่างกาย มักจะพบที่ง่ามนิ้วมือนิ้วเท้า ข้อมือ ข้อศอก รักแร้ รอบหัวนม รอบสะดือ ก้น ข้อเท้า อวัยวะสืบพันธุ์ ในเด็กเล็กอาจขึ้นที่หน้าและศีรษะ ส่วนในผู้ใหญ่มักไม่ขึ้นในบริเวณนี้ บางรายอาจพบเป็นผื่นนูนแดงคดเคี้ยว ขนาดเท่าเส้นด้าย ยาวประมาณ 2-3 มิลลิเมตร ซึ่งตรงปลายสุดจะเป็นที่อยู่ของตัวหิด บางครั้งอาจเห็นมีรอยเคลื่อนที่ของตัวปาราสิตเป็นรูปตัว s ผู้ป่วยมักจะมีอาการคันมาก โดยเฉพาะตอนกลางคืน อาการคันเกิดจากปฎิกิริยาภูมิไวต่อหิดตัวเมีย ต่อไข่หิด และต่อมูลหิด อาการคันไม่ได้เกิดจากตัวหิดไปรบกวนผิวหนังโดยตรง แต่เกิดจากการแพ้ต่อสารพิษที่ตัวหิดปล่อยทิ้งไว้ในผิวหนัง เมื่อร่างกายมีการต่อต้านก็จะเกิดปฏิกิริยาทำให้เกิดอาการคันขึ้น ยิ่งถ้าเป็นครั้งต่อไป บริเวณที่เคยเป็นและหายแล้ว จะกลับคันขึ้นมาอีกได้ทันที หิดมักจะทำให้เกิดหนองด้วย เพราะการเกาย่อมทำลายผิวหนังและเล็บมักสกปรกมีเชื้อโรค ซึ่งตุ่มหนองพบบ่อยแถวง่ามนิ้วมือ ซึ่งจะทำให้เกิดการอักเสบ มีพิษทำให้ไข้ขึ้นสูงอีกด้วย

อาการแทรกซ้อนที่สำคัญ ผู้ป่วยมักเกาจนกลายเป็นแผลพุพอง และถ้าติดเชื้อแบคทีเรีย บีตา-สเตรปโตค็อกคัส อาจเกิดเป็นโรคไตอักเสบได้ นอกจากนี้เด็กบางคนอาจคัน จนนอนไม่พอ กินไม่ได้ และน้ำหนักลด

การวินิจฉัย

หากลักษณะประวัติอาการ แพทย์สามารถให้การวินิจฉัยโรคได้แล้ว ยืนยันโดยการตรวจทางห้องปฏิบัติการ โดยการขูดบริเวณรอยโรคที่เป็นอุโมงค์ นำไปส่องดูด้วยกล้องจุลทรรศน์ จะพบตัวหิดหรือไข่

การรักษา ยารักษาหิดมีหลายชนิด ได้แก่

ครีมลินเดน หรือแกมม่าเบ็นซีนเฮ็กซาคลอไรด์ (lindane หรือ gamma benzene hexachloride) เป็นยาที่ได้ผลดีทาทั่วตัว ยกเว้นศีรษะ ทิ้งไว้ประมาณ 12 ชั่วโมง เป็นเวลา 1-3 วัน และอาจทาซ้ำใน 1 สัปดาห์ถัดมา ไม่ควรใช้ยานี้ในบริเวณผิวหนังที่มีแผล การรักษาในเด็กเล็กต้องอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
ครีมเพอร์มีธิน (5% permethrin) ทาตั้งแต่คอลงมาทิ้งไว้ 8 ชั่วโมงแล้วล้างออก
ยาทาชนิดน้ำเบ็นซิลเบ็นโซเอด (12.5 – 25 % benzyl benzoate) ทาทั้งตัวตั้งแต่ระดับคอลงมาทิ้งไว้ 24 ชั่วโมง
ครีมโครตามิตอน (crotamiton)
ขี้ผึ้งผสมผงกำมะถันเหลือง (6-10% precipitated sulfur)

ยาแต่ละตัวมีประสิทธิภาพในการรักษา และราคาแตกต่างกันไป บางชนิดมีข้อห้ามใช้ในคนบางกลุ่ม มีความสะดวกสบายในการใช้และความน่าใช้ต่างกัน ในเด็กอายุต่ำกว่า 2 ปีหญิงมีครรภ์ ไม่ควรใช้ยาลินเดน ผู้ป่วยสูงอายุมาก หรือผู้ป่วยที่มีไตผิดปรกติต้องระมัดระวังในการใช้ยา

วิธีทายาฆ่าหิด

ควรทายาหลังอาบน้ำตอนเย็น เช็ดผิวหนังให้แห้งแล้ว ทายาทั่วทุกแห่งของผิวหนัง ยกเว้นบริเวณใบหน้าและศีรษะ
สำหรับเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 3 ปี ควรทาที่หน้าและคอด้วย
ยา benzyl benzoate มีฤทธิ์ระคายเคืองต่อผิวหนังและขี้ผึ้งกำมะถัน มีกลิ่นฉุน ไม่ควรทาบริเวณหน้า
สิ่งสำคัญที่สุดในการรักษาคือเทคนิคการทายา เพราะพบว่าผู้ป่วยส่วนใหญ่ไม่หายขาดเนื่องจากเทคนิคการทายาผิด
วิธีการทายาที่ถูกต้องควรทายาหลังอาบน้ำ ทาเป็นแผ่นฟิล์มบาง ๆ คลุมทุกพื้นที่ของผิวหนังของร่างกายใต้คางลงมาทุกซอกทุกมุม ตามซอกนิ้วมือนิ้วเท้าและใต้เล็บซึ่งบริเวณนี้ควรใช้แปรงสีฟันถูยาใต้แผ่นเล็บเพื่อให้เนื้อยาเข้าถึงทุกจุด แล้วทิ้งยาไว้บนผิวหนังซึ่งในผู้ใหญ่ ควรให้ยาสัมผัสผิวนาน 24 ชั่วโมง ถ้าอาบน้ำก็ให้ทายาหลังอาบน้ำอีกครั้ง ทั้งนี้เพื่อให้ยาสัมผัสกับผิวนานตามเวลาที่กำหนด
ในเด็กเล็กแพทย์จะกำหนดระยะเวลาที่เหมาะสมให้ การจะทายาซ้ำอีกกี่วันหรือกี่ครั้งขึ้นกับยาที่ใช้และสุขภาพโดยรวมของผู้ป่วยปกติจะทายาหิดติดต่อกันประมาณ 1-3 วัน
ทุกคนที่อยู่ร่วมบ้านและสัมผัสใกล้ชิดไม่ว่าจะมีอาการคันหรือไม่มีอาการคันควรได้รับการรักษาพร้อมกันภายใน 48 ชั่วโมง
สำหรับผู้ที่มีภูมิต้านทานบกพร่องต้องพิจารณาเป็นราย ๆ ไป ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังให้เข้าใจก่อนใช้ยา

ที่มา bangkokhealth.com

CK

2535 แพทยศาสตร์บัณฑิต เกียรตินิยมอันดับ1 มหาวิทยาลัยขอนแก่น 2539 วุฒิบัตร อายุรศาสตร์

Recent Posts

ความดันโลหิตสูง 2024(1)

อัพเดตความดันโลหิตสูง Hypertension (2024) ภาค 1. ความรู้เบื้องต้น

10 months ago

วัคซีนป้องกันไข้หวัดนก(2550)

10 อันดับความก้าวหน้าหรือ medical breakthrough ทางการแพทย์ ประจำปี 2550 เรื่องที่ 3 วัคซีนไข้หวัดนก ตัวแรก ออกแล้ว ในปี 2007 ความกังวลว่า…

9 years ago

ขลิบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศ ทำไม อย่างไร เมื่อไร

หลายคนคงเคยมีคำถาม จะขลิบหนังหุ้มปลาย อย่างไร เมื่อไร และทำไม โดยเฉพาะผู้เป็นพ่อแม่ที่มีลูกชาย อาจจะเคยมีแพทย์แนะนำให้ ขลิบหนังหุ้มปลายตั้งแต่เด็กยังเล็กๆเลย ซึ่งแน่นอน ว่าต้องเกิดความกังวลในใจคุณแน่ๆ (more…)

9 years ago

Health tip ป้องกันการเกิดกระเพาะปัสสาวะอักเสบ

ข้อมูลจาก health day และศูนย์ข้อมูลโรคไตของสหรัฐ ได้ให้คำแนะนำสำหรับป้องกันการติดเชื้อที่ระบบทางเดินปัสสาวะ เช่นกระเพาะปัสสาวะและไต ดังนี้ ดื่มน้ำวันละมากๆ ห้ามกลั้นปัสสาวะนานๆ อาบน้ำโดยใช้การตักอาบหรือฝักบัว ดีกว่าใช้อ่างอาบน้ำ (more…)

9 years ago

สมาธิ จุดเริ่มต้นในการพัฒนาการเรียนของเด็ก

การปลูกฝังสมาธิในเด็ก เป็นการปูพื้นความสามารถในการเรียนรู้ให้เด็ก ผมมีบทความดีๆจาก ศูนย์จินตคณิต http://www.imaxbrain.com พัทยา ที่นำมาจากการสัมนาเรื่อง สมาธิ คือจุดเริ่มต้นของการเรียนรู้ที่ดี มาฝากครับ (more…)

9 years ago

ไข้หวัด

ไข้หวัด เกิดจากเชื้อไวรัสหวัด เด็กเล็ก ๆ อายุต่ำกว่า 6 เดือน เป็นหวัดน้อยกว่าเด็กโต ทั้งนี้เพราะ เด็กทารกช่วงวัยนั้น ได้รับภูมิต้านทาน เชื้อโรคหวัด ผ่านทางรก และเลือดของแม่ ตั้งแต่อยู่ในครรภ์…

9 years ago