ไข้เลือดออกเป็นโรคที่เกิดจากยุงซึ่งแพร่กระจายอย่างรวดเร็วในทุกภูมิภาคของโลกในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
เชื้อไวรัสเด็งกี่เกิดจากยุงตัวเมียส่วนใหญ่เป็นสปีชีส์Aedes aegypti (ยุงลายบ้าน)และAedes albopictus
นอกจากไข้เลือดออกแล้ว ยุงเหล่านี้ยังเป็นพาหะของ
โรคชิคุนกุนยา (Chikungunya)
ไข้เหลือง(Yellow fever)และ
ไวรัสซิก้า (Zika virus)
ไข้เลือดออกแพร่หลายไปทั่วเขตร้อนโดยมีความเสี่ยงที่แตกต่างกันไปตามปริมาณน้ำฝนอุณหภูมิความชื้นสัมพัทธ์และการขยายตัวอย่างรวดเร็วของเมือง เนื่องจากมีการแพร่ของยุงไปได้มากขึ้นนั่นเอง
ไวรัสไข้เลือดออกทำให้เกิดโรคไข้เลือดออก Dengue feverในระดับตั้งแต่ไม่แสดงอาการ (อาจไม่รู้ว่าติดเชื้อด้วยซ้ำ) หรือมีไข้ ปวดเมื่อย จนถึงอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ในผู้ติดเชื้อ แม้ว่าจะมีน้อยกว่าคนทั่วไป
บางคนมีไข้เลือดออกรุนแรง ซึ่งเกิดจากภาวะแทรกซ้อนที่เกี่ยวข้องกับการมีเลือดออกรุนแรงความบกพร่องของอวัยวะและ / หรือการรั่วไหลของพลาสมาตามชื่อโรค
ไข้เลือดออกที่รุนแรงมีความเสี่ยงสูงต่อการเสียชีวิตเมื่อไม่ได้รับการจัดการอย่างเหมาะสม โรคไข้เลือดออกรุนแรงได้รับการยอมรับครั้งแรกในปี 1950 ในช่วงการระบาดของโรคไข้เลือดออกในประเทศฟิลิปปินส์และประเทศไทย
ทุกวันนี้ไข้เลือดออกรุนแรงส่งผลกระทบต่อประเทศส่วนใหญ่ในเอเชียและละตินอเมริกาและกลายเป็นสาเหตุสำคัญของการรักษาในโรงพยาบาลและการเสียชีวิตของเด็กและผู้ใหญ่ในภูมิภาคเหล่านี้
ไข้เลือดออกเกิดจากเชื้อไวรัสของตระกูล Flaviviridae และมีสี่สายพันธุ์ที่มีความแตกต่างกัน แต่มีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิด serotypes ของไวรัสที่ทำให้เกิดไข้เลือดออก (DENV-1, DENV-2, DENV-3 และ DENV-4) เชื่อว่าเมื่อผู้ใดหายจากการติดเชื้อ ผู้นั้นจะภูมิคุ้มกันตลอดชีวิตกับ serotype นั้น อย่างไรก็ตาม cross-immunity หรือการมีภูมิข้ามสายพันธ์กับ serotypes อื่น ๆ มีเพียงบางส่วนและชั่วคราว การติดเชื้อที่ตามมา (การติดเชื้อรอง) โดย serotypes อื่น ๆ เพิ่มความเสี่ยงของการพัฒนาโรคไข้เลือดออกรุนแรงได้ (Anamnestic response )เช่นเดียวกับที่ทางการแพทย์กล่าวว่า ในผู้ที่เคยเป็นมาแล้วเป็นใหม่จะมีความรุนแรงเพิ่ม
ไข้เลือดออกมีรูปแบบทางระบาดวิทยาที่แตกต่างกันซึ่งสัมพันธ์กับไวรัสทั้งสี่ชนิด
หลาย ๆ ประเทศมีการแพร่กระจายของโรคจำนวนมากทั้งสี่ซีโรไทป์ ยิ่งการขนส่งรวดเร็ว การแพร่กระจายเชื้อยิ่งไปได้กว้างขวางและรวดเร็วทั่วโลก
ที่มา WHO
ข้อมูลจากเว็บข่าวเก่าไทยเฮลท์ (2012-2017)
ไข้เลือดออก – บทความสุขภาพ บทความสุขภาพ และข่าว Archive
- การป้องกันตนเองจากยุงลาย
by CKการป้องกันตนเองจากยุงลาย ป้องกันตนเองจากยุงลาย เมื่อโดนยุงลายจู่โจมเข้าให้แล้ว สิ่งสำคัญที่ต้องทำ คือ หาวิธีต่าง ๆ ที่จะป้องกันตนเองไม่ให้ถูกยุงกัด ซึ่งทำได้หลายวิธี ควรกรุหน้าต่าง ประตู และช่องมด้วยมุ้งลวดตรวจตราซ่อมแซมฝาบ้าน ฝ้าเพดาน อย่าให้มีร่อง ช่องโหว่หรือรอยแตก เพื่อป้องกันไม่ให้ยุงลายเข้ามาในบ้าน เวลาเข้า – ออกควรใช้ผ้าปัดประตูมุ้งลาดก่อน เพื่อไล่ยุงลายที่อาจจะเกาะอยู่ตามที่ต่าง ๆ เก็บของในบ้านให้เป็นระเบียบเรียบร้อยอยู่เสมอ เพราะยุงลายชองไปหลบซ่อนตามมุมมืดของห้องและเครื่องเรือนต่าง ๆ ที่รก…
- วงจรการแพร่เชื้อไวรัสไข้เลือดออก
by CKวงจรการแพร่เชื้อไวรัสไข้เลือดออก 1.ยุงลายกัดเด็กป่วย 2.ยุงที่มีเชื้อไปกัดเด็กปกติ
- วงจรชีวิตยุงลาย
by CKวงจรชีวิตยุงลาย 1. ไข่ Eggs – ไข่ในภาชนะ บริเวณเปียกๆ แต่เหนือน้ำเล็กน้อย – ไข่ได้ 100 ฟองต่อครั้ง – แข็ง ติดกับขอบภาชนะได้ดี คล้ายมีกาว สามารถอยู่ภายนอกได้ถึง 8 เดือน 2. Larva ตัวอ่อน – จะออกจากไข่เมื่อระดับน้ำมาท่วมไข่เท่านั้น แสดงว่าจะออกมาเมื่อมีฝนเพิ่ม…
- การกำจัดแหล่งเพาะพันธ์ยุงลาย
by CKการกำจัดแหล่งเพาะพันธ์ยุงลาย ยุงลายเป็นพาหะของโรคไข้เลือดออก การป้องกันที่ดีที่สุดก็คือ กำจัดหรือลดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย และพยายามหาทางป้องกันไม่ให้ถูกยุงกัด ควรปิดปากภาชนะเก็บน้ำด้วยผ้า ตาข่ายไนล่อนอะลูมิเนียม หรือวัสดุอื่นที่สามารถปิดปากภาชนะเก็บน้ำนั้นได้อย่างมิดชิด จนยุงไม่สามารถเล็ดลอดเข้าใปวางไข่ได้ หมั่นเปลี่ยนน้ำทุก 7 วัน ซึ่งเหมาะสำหรับภาชนะเล็ก ๆ ที่มีน้ำไม่มากนัก เช่น แจกันดอกไม้สด ทั้งที่เป็นแจกันที่หิ้งบูชาพระ แจกันที่ศาลพระภูมิ หรือแจกันประดับตามโต๊ะ รวมทั้งภาชนะและขวดประเภทต่าง ๆ ที่ใช้เลี้ยงต้นพลูด่าง ฯลฯ ใส่ทรายในจานรองกระถางต้นไม้…
- ไข้เลือดออก dengue fever
by CKเมื่อสองสามวันก่อน เจอคนไข้ไข้เลือดออก ในเขตที่ผู้เขียนอยู่ เลยคิดว่าน่าจะนำเรื่องราวเกี่ยวกับไข้เลือดออกมาให้พวกเราได้ดูและระมัดระวังในลูกหลานของเราครับ ข้อมูลจาก thaihealth encyclopedia ไข้เลือดออก เป็นการติดเชื้อไวรัส มีเชื้ออยู่สองชนิดใหญ่ๆที่ทำให้เกิดไข้เลือดออก คือเชื้อ เดงกี่ (dengue) และชิกุนกุนย่า(chigunkunya) มากกว่า 90% เกิดจากเชื้อตัวแรก เชื้อเดนกี่มี 4 พันธ์ โดยทั่วไป ในการรับเชื้อครั้งแรก มักไม่ค่อยมีอาการรุนแรงมากนัก ซึ่งสามารถเกิดในเด็ก ๆ…