Post exposure therapy สำหรับ HIV เอดส์ คืออะไร คือการให้ยาต้านไวรัส ในกรณีสัมผัสโรคมาแล้วในระยะ 24-72 ชม. โดยส่วนใหญ่จะหมายถึงได้รับโดยอุบัติเหตุ เช่นเข็มตำ ในเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ เป็นต้น แต่ที่เจอในปัจจุบัน คือ มีการมีเพศสัมพันธ์เสี่ยง โดยไม่มีการป้องกัน ในหญิงบริการ หรือถุงยางอนามัยแตก เป็นต้น


ความเสี่ยงของการติดเชื้อ HIV หรือเอดส์
เป็นคำถามที่โดนถามมากที่สุด ซึ่งก็ตอบยากมากเช่นกัน โดยเฉพาะ คนไข้จะถามเสมอว่า ถุงยางหลุด แตก ในเวลาเท่านั้นเท่านี้ โอกาสติดเชื้อ HIV กี่ % มีหลายปัจจัยมาก โดยเฉพาะ ผู้ที่เราไปสัมผัสนั้น มีความเสี่ยงต่อการมีเชื้อเท่าใด ในหญิงบริการ ก็มีตัวเลขต่างกันไปมาก ยิ่งการสัมผัสแค่น้ำลาย หรือออรั่ลเซกซ์ มีแผลในปากหรือเปล่า ใช้เวลานานเท่าใด อันนี้ตอบยากมาก
ข้อมูลจาก CDC
ถ้าเรารู้ว่าคนๆนั้น HIV แน่ๆ แล้วเราจะมีโอกาสติดเชื้อเอดส์จากคนนั้นกี่ %
1. ถ้าโดยการได้เลือดโดยตรง =90%
2. ถ้าโดยเข็มทิ่ม = 0.3%
3. โดนกัด = น้อยมาก
4. โดนน้ำลาย น้ำเมือก น้ำเชื้อ =น้อยมาก
* mucous membrane exposure seroconversion = 0.09%
ดังนั้น ถ้าในบริเวณที่เราอยู่ มีหญิงบริการที่รู้แน่ๆว่า มีเชื้ออยู่เท่าไร ตีเป็นตัวเลขก็ยิ่งน้อยไปใหญ่
แต่คนไข้ มักกังวลเป็นอย่างมาก ซึ่งก็ไม่มีวิธีใดดีไปกว่า การ reassure และถ้าคนไข้ยืนยัน การให้ PEP ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้คนไข้สบายใจขึ้น

Risk of HIV transmission per exposure

Type of exposure Estimated median (range) risk of HIV transmission per exposure
Receptive anal intercourse 1.11% (0.042%–3.0%)
Insertive anal intercourse 0.06% (0.06%–0.065%)
Receptive vaginal intercourse 0.1% (0.004%–0.32%)
Insertive vaginal intercourse 0.082% (0.011%–0.38%)
Receptive oral sex (fellatio) 0.02% (0%–0.04%)
Insertive oral sex (receiving fellatio) 0%
Blood transfusion (one unit) (90%–100%)
Needlestick injury 0.3% (95% CI: 0.2%–0.5%)
Sharing injecting equipment 0.67%
Mucous membrane exposure 0.63% (95% CI: 0.018%–3.47%)

จากตาราง สรุปได้หลายอย่างคือ ผู้สอดใส่ จะติดเชื้อน้อยกว่าผู้รับ กรณี ออรัลเซ็กซ์ ก็เช่นกัน โอกาสชายจะติดเชื้อน้อยมาก

PEP update 2014 คำแนะนำ
1. ในองค์กรต้องกำหนดแผนงาน และผู้รับผิดชอบ
2. ต้องกำหนดไกด์ไลน์ และวิธีการคัดกรอง การจ่ายยา การติดตามผล และผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่าย
3. ต้องมีไกด์ไลน์และมาตรการในการป้องกัน needle stick injury แบบครบวงจร
แผนของการให้ PEP
1. ให้โดยเร็วที่สุดถ้าต้องให้
2. ตรวจเลือดผู้ที่เป็นเจ้าของเลือดที่เราสัมผัส ถ้าผลลบต่อ HIV และไม่มีความเสี่ยงในการติดเชื้อใน 6 สัปดาห์ ให้หยุดการให้ PEP ถ้ามีความเสี่ยงให้ตรวจ HIV rna ถ้าไม่พบ ให้หยุดให้ PEP
3. ถ้าผู้เป็นเจ้าของเลือด ไม่ยอมให้ตรวจ ตรวจไม่ได้ หรือตรวจแล้วมีผล HIV ให้ PEP ให้ครบ 28 วัน
คำแนะนำ
1. ตรวจร่างกาย และตรวจเลือด ผู้สัมผัส และ ผู้ที่สงสัยติดเชื้อ ถ้าทำได้
2. เริ่มยาใน 2 ชม.ภายหลังสัมผัสเชื้อ จะดีที่สุด โดยไม่ต้องรอผลตรวจ HIV
3. ตรวจเลือดหา HIV antibody อีกครั้ง หลัง 4 และ 12 สัปดาห์
ชนิดของยา มียาอะไรบ้างที่ใช้ในการป้องกัน การติดเชื้อสำหรับผู้สัมผัสเชื้อ HIV ในระยะเวลา 24-72 ชม.
1. ปัจจุบันให้ใช้ยาที่มีส่วนผสม 3 ตัวเป็นอย่างน้อย
2. tenofovir 300 mg/d + Emtricitabine 200mg/d (ในชื่อของ Truvada) plus Raltegravir 400 mg/d หรือ Dolutegravir 50 mg/d
3. สูตรสำรอง tenofovir 300 mg/d + Emtricitabine 200mg/d (ในชื่อของ Truvada) plus Darunavir 800 mg/d หรือ Atazanavir 300 mg/d หรือ Fosamprenavir 1400 mg/d ร่วมกับ Ritonavir 100 mg/d
4. สูตรสำรอง tenofovir 300 mg/d + Emtricitabine 200mg/d (ในชื่อของ Truvada) plus Zidovudine
5. สูตรสำรอง tenofovir 300 mg/d + Emtricitabine 200mg/d (ในชื่อของ Truvada) plus Lopinavir / ritonavir (Aluvir)
ยาที่ไม่ใช้และไม่แนะนำให้ใช้ร่วม
1. Efavirenz = ผลข้างเคียง , ปัญหาในสตรีตั้งครรภ์
2. Nevirapine = ผลข้างเคียงสูง
3. Abacavir = ผลข้างเคียงสูง
4. Stavudine , Indinavir = ผลข้างเคียงสูง
5. Nelfinavir = ผลข้างเคียงสูง

ประสิทธิผลของการให้ยา คำถามที่โดนถามคือให้ยาแล้ว จะป้องกันได้มากน้อยกี่ % ตัวเลขคือ ไม่ 100% แต่เท่าไรยังไม่มีคนทำการวิจัยแบบ prospective ในกลุ่มใหญ่ครับ มีงานวิจัยต่างๆ ที่ได้พบมาคือ
ศึกษาในซานฟรานซิสโก กลุ่มตัวอย่าง 401 คนในปี 1997-1999 โดยใช้ยา combivir , ddI, D4T พบการกินยาครบ 78% และไม่พบเชื้อในทุกคนภายหลัง 6 เดือน แต่ยังไม่พอทดสอบ efficacy ได้
2005 ในซานฟรานซิสโก เช่นกันกลุ่มตัวอย่าง 702 คน ได้รับ PEP และตรวจเลือดในอีก 12 สัปดาห์ พบมีการติดเชื้อ 3 ราย
การวิจัยที่เสนอในการประชุม CROI 2002 ได้สรุปผลมาว่า ผู้ที่ได้ PEP จะลดอัตราการติดเชื้อได้ 83% จาก 4.1 คน ต่อ 100 คนต่อปี เป็น 0.7

Share
CK

2535 แพทยศาสตร์บัณฑิต 2539 วุฒิบัตร อายุรศาสตร์ เป็นคนชอบขีดเขียน ชอบท้าทาย ทำงานเป็นหมอดีๆไม่ชอบ ชอบเป็น journalist /

Recent Posts

ฝุ่นpm2.5กับการออกกำลังกาย

ฝุ่นpm2.5กับการออกกำลังกาย เชื่อว่าช่วงหลังๆ ในหน้าหนาว หลายคนกำลังประสบกับปัญหา ภัยจากฝุ่นควันจิ๋ว PM 2.5 ซึ่งเป็นฝุ่นที่มีขนาดเล็ก และสามารถทำอันตรายต่อสุขภาพได้ หลายท่านที่เป็นนักกีฬา หรือต้องออกกำลังกายกลางแจ้งคงกังวลว่า เราจะสามารถออกกำลังได้ไหม ในสถานการณ์อย่างไรบ้าง ต้องใช้หน้ากากไหม และมีหน้ากากป้องกันฝุ่น…

1 week ago

top10มะเร็งที่พบมากในประเทศไทย

10 อันดับโรคมะเร็งที่พบบ่อยในประเทศไทย 1. มะเร็งตับและท่อน้ำดี (Liver and Bile Duct Cancer) เป็นมะเร็งที่พบบ่อยที่สุดในประเทศไทย และมีอัตราการเสียชีวิตสูงที่สุด (20.3%) 2.มะเร็งปอด (Lung Cancer)…

3 weeks ago

มะเร็งในอายุน้อยลง ผลวิจัยระบุ

มะเร็งในอายุน้อยลง ผลวิจัยระบุ โรคมะเร็งที่เกิดในวัยหนุ่มสาว — รวมถึงมะเร็งเต้านม ลำไส้ใหญ่ หลอดอาหาร ไต ตับ และตับอ่อน — เพิ่มขึ้นอย่างมากทั่วโลก โดยแนวโน้มนี้เริ่มขึ้นประมาณปี 1990 ไม่ต้องแปลกใจถ้าจะมีข่าวมะเร็งในคนอายุน้อยลงเรื่อยๆ…

3 weeks ago

ปอดบวมจากไข้หวัดใหญ่ (Influenza Pneumonia)

ปอดบวมจากไข้หวัดใหญ่(ปอดอักเสบจากไข้หวัดใหญ่ ) Influenza Pneumonia เป็นภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรงจากการติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ และการรักษาจะเกี่ยวข้องกับทั้งการใช้ยาต้านไวรัสและการดูแลแบบประคับประคอง อาการของปอดบวมจากไข้หวัดใหญ่ อาการระบบทางเดินหายใจ :ไอ (มักมีเสมหะ อาจใส เหลือง เขียว หรือแม้กระทั่งเป็นเลือด)หายใจสั้นหรือหายใจลำบากเจ็บหน้าอก ซึ่งอาจแย่ลงเมื่อหายใจลึกหรือไออาการในระบบต่าง…

3 weeks ago

Influenza A and B ICD 10

Influenza A and B ICD 10 Influenza of any strains Use same ICD10 Influenza with…

3 weeks ago

ไข้หวัดใหญ่(Influenza, Flu)

ไข้หวัดใหญ่(Influenza, Flu)อัพเดตข้อมูลจาก Thaihealth.net กรมควบคุมโรค และสมาคมโรคติดเชื้อแห่งประเทศไทย อัพเดต 1/2025 ไข้หวัดใหญ่ บทนำ โรคไข้หวัดใหญ่ หมายถึง โรคระบบทางเดินหายใจที่เกิดจากไวรัส influenza เฉียบพลัน ซึ่งถ้าเป็นโรคไข้หวัดใหญ่…

1 month ago