มาลาเรีย
โรคมาลาเรีย(Malaria) โรคมาลาเรียในคน เกิดจากเชื้อปรสิต plasmodium 4 ชนิด ได้ แก่
Plasmodium falciparum
Plasmodium vivax,
Plasmodium malariae
และ Plasmodium ovale
โดยมียุงก้นปล่องเป็นพาหะนําโรควงจรชีวิตของเชื้อมาลาเรียซึ่งมียุงก้นปล่องที่เป็นพาหะนั้นจะมีเชื้อมาลาเรียซึ่งอยู่ ในระยะที่เป็นตัวอ่อนเรียกว่าสปอโรซอยต์ (sporozoite) อยู ในต่อมน้ําลาย เมื่อมากัดคนก็จะปล่อยสปอโรซอยต์ เข้าสู่ กระแสโลหิต และเข้าสู่ เซลล์ ตับภายใน 1 ชั่วโมง หลังจากนั้นจะเพิ่มขนาดสร้างอวัยวะต่าง ๆ และแบ่งนิวเคลียสหลายครั้ง ได้ เป็นเมอรโรซอยต (merozoite)
สปอโรซอยต ของ P.vivax และ P.ovale บางส่วน เมื่อเข้าสู่ เซลล ตับแล้วจะหยุดพักการเจริญชั่วขณะ ซึ่งเป็นสาเหตุทําให้ เกิดอาการไข้ กลับ (relapse) ในผู้ป่วยเรียกระยะการหยุดพักนี้ว่า ฮิปโนซอยต์ (hypnozoite) เมอร์โรซอยต์ จะออกจากเซลล์ ตับเข้าสู่ เม็ดเลือดแดง และกินฮีโมโกลบินในเม็ดเลือดแดงเป็นอาหาร (โดยใช้ กระบวนการ pinocytosis )
เมอร์โรซอยต์ จะเจริญแบ่งตัวในเม็ดเลือดแดงเป็น4 ระยะ ได้แก่ 1. ระยะวงแหวน (ring form) 2. ระยะโทรโฟซอยต์ (trophozoite) 3. ระยะไซซอนท์ (Schizont) 4. ระยะเมอโรซอยต์
จากนั้นเมอโรซอยต์ จะแตกออกจากเม็ดเลือดแดง และเป็นอิสระในกระแสโลหิตชั่วระยะเวลาหนึ่งแล้วจึงเข้าสู่ เม็ดเลือดแดงใหม่ เป็นการเพิ่มจํานวนเชื้อมาลาเรียอย่างรวดเร็ว เมอร์ โรซอยต์ บางตัวจะเจริญไปเป็นเชื้อระยะมีเพศเรียกว่า แกมิโตไซต์ (gametocyte) ซึ่งมีทั้งเพศผู้และเพศเมีย เมื่อยุงก้นปล่องมากัดคนจะได้แกมิโตไซต์ เข้าไปอยู่ในกระเพาะอาหาร แล้วจะเจริญเติบโตและสืบพันธ์ได้เป็นไซโกต (Zygote) ไซโกตจะเจริญและแบ่งตัวได้เป็นสปอโรซอยต์จํานวนมาก และเคลื่อนออกจากกระเพาะอาหารเข้าสู่ ต่อมน้ำลายของยุง พร้อมที่จะถูกปล่อยเข้าสู่ กระแสโลหิตของคนต่อไป
อาการและอาการแสดงของโรค
อาการและอาการแสดงของโรคมาลาเรียไม่มีลักษณะพิเศษบ่งเฉพาะโดยมากจะมีอาการนําคล้ายกับคนเป็นไข้หวัด คือ มีไข้ต่ำ ๆ ปวดศีรษะ ปวดตามตัว และกล้ามเนื้อ อาจมีอาการคลื่นไส้ เบื่ออาหารได้อาการนี้จะเป็นเพียงระยะสั้นเป็นวัน หรือหลายวันได้ขึ้นอยู่กับระยะฟักตัวของเชื้อ ชนิดของเชื้อ จํานวนของสปอโรซอยต์ที่ผู ป่วยได้รับเข้าไป ภาวะภูมิต้านทานต่อเชื้อมาลาเรียของผู้ป่วย ภาวะที่ผู้ป่วยได้รับยาป้องกันมาลาเรียมาก่อน หรือได้รับยารักษามาลาเรียมาบ้างแล้ว
อาการไข้ซึ่งเป็นอาการที่เด่นชัดของมาลาเรีย ประกอบด้วย 3 ระยะคือ
1. ระยะสั่น ผู้ป่วยจะมีอาการหนาวสั่น ปากและตัวสั่น ซีด ผิวหนังแห้งหยาบ อาจจะเกิดขึ้นนานประมาณ 15 – 60 นาที ระยะนี้ตรงกับการแตกของเม็ดเลือดแดงที่มีเชื้อมาลาเรีย
2. ระยะร้อน ผู้ป่วยจะมีไข้สูง อาจมีอาการคลื่นไส้อาเจียนร่วมด้วย หน้าแดง ระยะนี้ใช้เวลา2 – 6 ชั่วโมง
3. ระยะเหงื่อออก ผู้ป่วยจะมีเหงื่อออกจนชุ่มที่นอน หลังจากระยะเหงื่อออก จะมีอาการอ่อนเพลีย ไข้ลด
ปัจจุบันนี้จะพบลักษณะทั้ง 3 ระยะได้น้อยมาก ผู้ป่วยจะมีไข้สูงลอยตลอดเวลา โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่เป็นมาลาเรียครั้งแรก เนื่องจากในระยะแรกของการติดเชื้อมาลาเรีย เชื้ออาจเจริญถึงระยะแก่ไม่พร้อมกันซึ่งอาจเป็นผลมาจากได้รับเชื้อในเวลาต่างกัน เชื้อจึงเจริญในเม็ดเลือดแดงไม่พร้อมกัน ทําให้เกิดมีเชื้อหลายระยะ การแตกของเม็ดเลือดแดงจึงไม่พร้อมกัน ผู้ป่วยมาลาเรียในระยะแรกอาจมีไข้สูงลอยตลอดวันแต่เมื่อผ่านไประยะหนึ่งแล้ว การแตกของเม็ดเลือดแดงเกิดขึ้นพร้อมกัน จะเห็นผู้ป่วยมีการจับไข้ หนาวสั่นเป็นเวลา แยกได้ชัดเจนตามชนิดของเชื้อมาลาเรีย
เชื้อไวแวกซ ฟัลสซิพารัม และโอวัลเล ใช้เวลาในการแบ่งตัว 48 ชั่วโมง จึงทําให้เกิดไข้ทุกวันที่3
ส่วนมาลาริอี ใช้เวลา 72 ชั่วโมง อาการไข้จึงเกิดทุกวันที่4 ภายหลังที่เป็นมาลาเรียได้ระยะหนึ่ง จะตรวจพบว่าผู้ป่วยซีด บางคนมีตัวเหลือง ตาเหลือง ตับและม้ามโต บางรายกดเจ็บ ถ้าเม็ดเลือดแดงแตกมาก ๆจะพบว่าผู้ป่วยมีปัสสาวะดํา